1. Niacinamide (ไนอะซินาไมด์)
Niacinamide หรือวิตามิน B3 เป็นสารที่ครอบคลุมหลายปัญหาผิว ใช้ได้ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง และผิวเป็นสิว เป็นที่นิยมมากในเซรั่ม ครีม และมาสก์หน้า
✅ ประโยชน์หลัก:
- ลดรอยสิวและรอยดำหลังการอักเสบ
- กระชับรูขุมขน ลดความมันบนผิว
- เสริมเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรง
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ
2. Centella Asiatica (สารสกัดใบบัวบก)
จากสมุนไพรพื้นบ้านสู่ส่วนผสมระดับโลก! Centella หรือ "Cica" กลายเป็นพระเอกของวงการสกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่ายในช่วง 2-3 ปีหลัง และยังมาแรงต่อเนื่องในปี 2025
✅ ประโยชน์หลัก:
- ลดการอักเสบของผิวโดยเฉพาะผิวที่มีสิว
- ช่วยสมานแผลและฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
- ลดอาการแดง แสบ คัน จากการระคายเคือง
- เสริมสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ
3. Vitamin C (วิตามินซี)
วิตามินซีไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังคงเป็นที่นิยมในทุกยุค เพราะมีงานวิจัยรองรับว่าได้ผลจริงในการฟื้นฟูผิว และให้ผิวดู "ไบรท์" อย่างชัดเจน
✅ ประโยชน์หลัก:
- ลดจุดด่างดำ กระ ฝ้า
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ
- ต้านอนุมูลอิสระจากมลภาวะและแสงแดด
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึง
4. Bakuchiol (บาคูชิออล)
เป็น "Retinol Alternative" หรือสารที่ให้ผลใกล้เคียง Retinol แต่ไม่ทำให้ผิวลอกหรือระคายเคือง จึงเป็นทางเลือกยอดนิยมของกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่สามารถใช้เรตินอลได้
✅ ประโยชน์หลัก:
- ลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
- ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน
- เหมาะกับคนที่ตั้งครรภ์หรือผิวแพ้ง่าย
5. Hyaluronic Acid (กรดไฮยาลูโรนิก)
ไม่มีใครไม่รู้จักสารเติมน้ำให้ผิวตัวนี้ เพราะ Hyaluronic Acid เป็นตัวช่วยหลักของผิวที่ต้องการความชุ่มชื้น และสามารถใช้ร่วมกับสารสกัดอื่น ๆ ได้หลากหลาย
✅ ประโยชน์หลัก:
- กักเก็บน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูฟูเด้ง
- ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ จากผิวแห้ง
- เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวขาดน้ำ
- ช่วยเพิ่มการดูดซึมของสารบำรุงอื่น ๆ
รู้จักสารให้ลึก ใช้ให้ถูก ผิวก็สวยได้ในระยะยาว
การเลือกใช้สกินแคร์ในยุคนี้ไม่ใช่แค่ตามเทรนด์ แต่ต้องเลือกตามสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข สารสกัดทั้ง 5 ตัวนี้มี ผลวิจัยรองรับ และได้รับการยอมรับจากทั้งแพทย์ผิวหนังและแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก การใช้ให้เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยไม่เสี่ยงระคายเคืองหรือทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว