“รูปสินค้าใช้เพื่อประกอบโฆษณาเท่านั้น”
มะม่วง เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรสชาติดี รับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก ให้พลังงานสูง เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโพแทสเซียม เส้นใยอาหาร และวิตามิน หลายคนเชื่อว่ามะม่วงอาจมีคุณสมบัติต้านเบาหวาน มะเร็ง การอักเสบ การติดเชื้อต่าง ๆ และต้านสารอนุมูลอิสระได้
นอกจากรสชาติจะเป็นที่โปรดปรานของใครหลาย ๆ คนแล้ว มะม่วงยังอุดมไปด้วยสารพอลิฟีนอล (Polyphynols) ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แมงจิเฟอริน (Mangiferin) กรดแกลลิก (Gallic Acid) แกลโลแทนนิน (Gallotannins) เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเควอซิทิน (Isoquercetin) กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) และเบต้ากลูโคแกลลิน (β-Glucogallin)
มะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซี
มะม่วง 165 กรัม ประกอบไปด้วยวิตามินเอถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งวิตามินเอมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของร่ายกาย โดยเฉพาะดวงตาและผิวพรรณ ส่งผลดีต่อกระดูก ระบบสืบพันธุ์ และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
นอกจากมะม่วงจะอุดมไปด้วยวิตามินเอแล้ว ยังเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีวิตามินซีสูงด้วย ซึ่งวิตามินซีจำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยปรับการดูดซึมธาตุเหล็ก ทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูกอีกด้วย
มะม่วงมีประโยชน์ต่อการย่อยอาหาร
เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยเส้นใยหรือมีไฟเบอร์สูงจะส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร โดยเส้นใยจะช่วยดูดซึมน้ำ ทำให้อุจจาระนิ่มและเคลื่อนตัวได้ง่ายขึ้น มะม่วงก็เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจสำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง
มะม่วงกับคุณสมบัติต้านการอักเสบ
มะม่วงอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ส่งผลดีต่อโรคบางชนิด เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากระบบภูมิต้านทานร่างกายตอบสนองไว ทำให้เกิดการอักเสบของผนังเยื่อบุลำไส้ และอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ในอนาคต โดยการศึกษาวิจัยหลายชิ้นได้แสดงให้เห็นว่าสารพฤกษเคมีที่พบในมะม่วง มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบดังกล่าวได้ เช่น การใช้สารสกัดจากเปลือกต้นมะม่วงที่ประกอบไปด้วยสารพอลีฟีนอล (Polyphenols) และฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ในการรักษาโรคลำไส้อักเสบ พบว่าอาการท้องเสีย และน้ำหนักตัวลดลงมีอาการดีขึ้น
มะม่วงกับคุณสมบัติต้านมะเร็ง
มะเร็งเกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ ซึ่งแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผ่านทางกระแสเลือดและน้ำเหลือง โดยมีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นได้แสดงให้เห็นว่า สารประกอบทางชีวภาพของมะม่วงอาจมีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็งได้ เช่น สารสกัดเมทานอลจากเปลือกมะม่วงอาจมีส่วนช่วยทำลายเซลล์มะเร็งตับอ่อน สารสกัดเอทานอลจากเปลือกมะม่วงอาจช่วยเร่งให้เซลล์มะเร็งปากมดลูกตายเร็วขึ้น สารสกัดจากเนื้อมะม่วงอาจช่วยทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมถึงกรดแกลลิกและสารประกอบแกลโลทานินของมะม่วงอาจช่วยทำลายเซลล์มะเร็งเต้านมได้
แม้จะมีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการต้านมะเร็งของมะม่วง แต่บางส่วนเป็นผลจากการศึกษาทดลองในสัตว์ จึงยังจำเป็นต้องศึกษาทดลองในมนุษย์เพิ่มเติมต่อไป เพื่อยืนยันคุณสมบัติในด้านดังกล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
มะม่วงกับคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
เนื้อมะม่วงอุดมไปด้วยแมงจิเฟอริน (Mangiferin) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารพอลิฟีนอลจากธรรมชาติที่ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ โดยป้องกันการเกิดความเสียหายของร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหรือโรคมะเร็ง นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระยังมีบทบาทสำคัญต่อการรักษาหรือป้องกันโรคมะเร็ง โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ รวมถึงโรคข้ออักเสบด้วย